วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552

หลวงพ่อไม่ตาย แต่หมอตกใจแทบตาย

โดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน /ลูกศิษย์บันทึก ๓ /๙๔-๙๖

- หน้าร้อนปี ๒๕๑๗ หลวงพ่อส่งท่าน อ๋อย (ภรรยา พล.อ.ท. ม.ร.ว.เสริม สุขสวัสดิ์)ซึ่งเป็นแม่งานของหลวงพ่อ ให้จัดรถทัวร์หลายคัน พร้อมลูก-หลานของท่าน ขึ้นไปกราบพระสุปฏิปันโนที่ภาคเหนือหลายครั้ง แต่ที่ผมเขียนนี้ เป็นครั้งแรกหรือครั้งที่ ๒ ผมจำไม่ได้การไปแต่ละครั้ง หลวงพ่อเหนื่อยมากๆ เพราะเกือบไม่มีเวลาพักเลย ผมในฐานะแพทย์ประจำองค์ท่าน (ท่านอ๋อยขออนุญาตหลวงพ่อแต่งตั้ง) แต่ผู้เดียว จึงต้องอยู่ใกล้ชิดท่านเกือบตลอดเวลา จึงทราบเรื่องดีต้องฉีดยาบำรุงให้ท่านเกือบทุกวัน หากท่านมีเวลาว่างนานหน่อย ก็ให้น้ำเกลือ และทั้งๆ ที่กำลังให้น้ำเกลืออยู่นี้ ท่านก็ต้องรับแขกไปด้วยเพราะมีบรรดาพุทธบริษัททางจังหวัดเชียงใหม่ที่ศรัทธาในท่าน มารอกราบและทำบุญกับท่านจำนวนมากสถานที่พักก็ใช้บ้านของ ดร.ปริญญา นุตาลัย ซึ่งขณะนั้นเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และบ้านเพื่อนๆ อาจารย์ของท่านเป็นที่พัก (อยู่ในเขตรั้วของมหาวิทยาลัย) ส่วนคณะใหญ่ก็อาศัยวัดในเมืองเป็นที่พัก

- ในการไปครั้งนี้ ผมสังเกตุว่า หลวงพ่อท่านไอมากผิดปกติได้ถวายยาแก้ไอกับท่านก็ระงับได้ชั่วคราว เพราะหลอดลมท่านอักเสบมาก จากการที่ท่านต้องใช้เสียงพูดเกือบทั้งวัน ส่วนใหญ่จะออกตั้งแต่ ๗.๐๐น. เป็นอย่างช้า กลับมาก็ประมาณ ๑๘.๐๐ น. หรือกว่านั้น ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกำหนดการที่วางไว้อากาศก็ร้อน ถนนก็ไม่ค่อยดี ระยะทางก็ไม่ใกล้ ต้องทำเวลาให้ทันตามจุดที่กำหนดไว้ ท่านเหนื่อยมากจะห้ามท่านไม่ให้พูด ก็ไม่ได้ ความทุกข์จึงตกอยู่กับหมอ (ทั้งทุกข์กาย ทุกข์ใจ) ส่วนหลวงพ่อทุกข์แต่กายใจท่านเลิกทุกข์มานานแล้ว มันต่างกันตรงนี้ ทั้งๆ ที่ท่านไข้ขึ้นสูง ไอมากแต่ใบหน้าท่านยังยิ้มแย้มเป็นปกติ และพูดเกือบตลอดเวลา ที่พาลูก-หลานไปกราบพระสุปฏิปันโน ตามวัดต่างๆ ซึ่งอยู่ห่างกันมากแต่ละวัด ขันธ์ ๕ ของท่านทนมาได้จนถึงวันสุดท้าย ท่านพาลูก-หลานให้ได้บุญครบตามที่ท่านกำหนดไว้ และรถทัวร์เหล่านั้น ก็มุ่งกลับ กทม.หมด คงเหลืออยู่ประมาณ ๑๐ คน ที่จะเดินทางขึ้นไปเชียงรายในวันรุ่งขึ้น เพื่อให้หลวงพ่อท่านได้พักผ่อนสัก ๒-๓ วัน

- ในตอนเย็นวันนั้นเอง คงประมาณ ๑๘.๓๐ น. ผมกำลังคุยอยู่กับ ดร.ปริญญา และเพื่อนๆ ชั้นล่างเห็นพี่นนทาวิ่งลงมาจากชั้นบน ตรงมาจับข้อมือผมแล้วดึงขึ้น จนตัวผมลอยตามมือพี่นนทาพร้อมกับร้องอย่างตกใจว่า หมอ เร็วเข้า หลวงพ่อกำลังแย่แล้ว...พี่นนทาลากผมลอยขึ้นบันไดไปอย่างอัศจรรย์ จำไม่ได้ว่าเท้าของผมติดพื้นหรือเปล่าไม่ทราบ เพราะพี่นนทาท่านมีกำลังภายในมากเหลือเกิน สุดที่ผมจะขัดขืนท่านได้ มารู้สึกตัวและได้สติก็ตอนเห็นหลวงพ่อกำลังอาเจียนอย่างหนัก ผมเห็นอาเจียนที่ท่าน ทั้งไอและอาเจียนออกมาเป็นหนองล้วนๆ เกือบ ๒ กระโถนผมเองตั้งแต่จบแพทย์มาเกือบ ๒๐ ปีแล้ว ยังไม่เคยพบคนไข้มีอาการหนักขนาดนี้ ขอรับตามตรงว่าตกใจมากในขณะนั้น ทำอะไรเกือบไม่ถูก สิ่งแรกก็คือ ตรวจหัวใจ ปอด และความดันโลหิตของท่านก่อนท่านเองคงทราบว่า หมอนั้นเกือบช็อคแล้ว ท่านก็ยิ้มเหมือนปกติ และพูดกับผมว่า หมอหัวใจเต้นกี่ครั้ง ผมก็ตอบว่า ๘๐ ครั้งต่อนาทีครับ ท่านก็ตอบว่า ถูก ท่านถามผมต่อไปอีกว่า แล้วความดันโลหิตล่ะเท่าใด ผมก็ตอบท่านว่า ๑๒๐ กับ ๘๐ ครับ ท่านก็บอกว่า ถูกอีก และเสริมต่อว่า หากหมอไม่ตอบตามนี้ หมอก็โกหกเพราะท่านโกมารภัจท่านก็บอกว่าเท่านี้เหมือนกัน พอผมได้ยินชื่อท่านหมอโกมารภัจเท่านั้นผมก็หายจากอาการช็อคโดยสิ้นเชิง เพราะผมไม่ได้อยู่คนเดียว หากมีหมอชั้นยอดของโลกอยู่กับผมด้วยผมรีบเปิดกระเป๋าหยิบยา หลอดยาขึ้นมาอธิฐานถามพระพุทธเจ้า และท่านหมอโกมารภัจว่าจะใช้ได้ไหม ท่านก็ตอบว่า ได้ ...ผมรีบฉีดให้หลวงพ่อทันที แลวจับยาแก้หลอดลมอักเสบ ขึ้นอธิฐานอีก ท่านก็บอกว่าใช้ได้ผมก็จัดถวายท่านไปพอหลวงพ่อรับยาที่ผมจัดให้ ท่านก็พูดว่า หมอไม่ต้องเป็นห่วง ๒ วันก็หาย ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น

- พอรุ่งขึ้นคณะหลวงพ่อก็เดินทางไป จ. เชียงราย พักที่วัดเม็งรายซึ่งอยู่บนยอดเขาไม่สูงและอยู่ในตัวเมืองเชียงราย ที่พักและอากาศดีมาก หลวงพ่อท่านก็แจ่มใส และหายเป็นปกติตามที่ท่านบอกไว้ สำหรับผมขอเล่าความในใจ ซึ่งเก็บไว้กว่า ๑๐ ปี ดังนี้

- ผมเองไม่ได้คิดจะเดินทางร่วมไปกับหลวงพ่อด้วยที่เชียงราย ได้วางแผนจะขอแยกกับท่านในตอนเช้า โดยส่งท่านกับคณะไปเชียงราย ส่วนผมขออยู่ที่เชียงใหม่ต่อ เพราะได้นัดภรรยา และบุตรสาวอายุ ๖ ปี (ในขณะนั้น) ขึ้นมาพบที่เชียงใหม่ และอยู่เที่ยวเชียงใหม่อีก ๒-๓ วัน ตอนนั้น คิดมากจริงๆ ระหว่างหลวงพ่อกับลูก-เมีย แต่โชคดีที่คิดถูกเลือกเอาหลวงพ่อก่อน เพราะทิ้งท่านไม่ได้ แม้ท่านจะพูดว่าไม่เป็นไรอีก ๒ วันก็หายให้ผมฟังก็ตาม เรื่องนัดลูกเมียไว้นี้ ผมไม่ได้เรียนให้หลวงพ่อทราบ แต่ผมก็ทราบว่าท่านรู้ โดยไม่ต้องบอก มันเป็นการทดสอบอารมณ์ของผมไปในตัว......

ศ.ธรรมทัสสี