วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

บารมีหลวงพ่อช่วยผีที่หลอกที่โรงแรม

(คัดลอกจากหนังสือ ลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๓ หน้า ๖๑๒-๖๑๓)

ข้าพเจ้าได้ยินชื่อหลวงพ่อ ครั้งแรกก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที เพราะเป็นชื่อที่แปลก ไม่เคยได้ยินมาก่อน และผู้ที่ทำให้ข้าพเจ้าได้รู้จักหลวงพ่อก็คือ พี่ชายของข้าพเจ้าเอง (พระครูปลัด..) เนื่องจากพี่ชายของข้าพเจ้า ขณะนั้นได้กลับจากอเมริกา และบอกกับทางบ้านว่า จะบวชที่วัดท่าซุง กับหลวงพ่อซึ่งหลวงพี่ (ขณะเป็นฆราวาส) ได้เล่าถึงประวัติและ ปฏิปทาของหลวงพ่อให้กับทุกคนทางบ้านได้ฟัง และบอกว่าเลื่อมใสในหลวงพ่อตั้งแต่อยู่อเมริกาแล้ว อยากจะบวชที่วัดท่าซุงนี้มาก เมื่อหลวงพ่อได้อนุญาตให้บวชได้ ทุกคนก็อนุโมทนา ด้วยความยินดีเป็นอย่างมาก

จากการที่หลวงพี่ มาบวชที่วัดท่าซุงนี่เอง ทำให้ข้าพเจ้าและทุกคนในครอบครัวได้รู้จักหลวงพ่อ และทำให้ทุกคนหันหน้าเข้าหาวัดกันแทบทุกคน ตามแต่จริตของแต่ละคน สำหรับข้าพเจ้าเองนั้น เมื่อได้ศึกษาถึงคำสอนต่างๆ ของหลวงพ่อจากหนังสือ เทป คำสอนหลวงพ่อมาบ้าง ถึงจะไม่ลึกซึ้งนักก็เกิดความเลื่อมใส ในปฏิปทาและความเสียสละของหลวงพ่อมากขนาดนี้ ซึ่งเป็นโชคดีของข้าพเจ้า และครอบครัวที่ได้มาพบหลวงพ่อ เพราะทำให้ทุกคนเร่งทำความดี ทำบุญกุศล เพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์ ที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก นอกจากนี้ยังทำให้ได้ทราบว่า การทำบุญ - ทำอย่างไรจึงจะได้บุญ...ทำอย่างไรจึงจะได้ไม่ต้องเกิดอีก...ถึงแม้ในทางปฏบัติ จะทำได้ไม่ง่ายนัก แต่ทำให้เรามีหลักในการปฏิบัติ และดำรงชีวิตในทางที่ถูกที่ควร...โดยพยายามไม่หันเหออกจากศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐ ก็ถือว่าเป็นหนทางที่ถูกที่สุดแล้ว "เพราะบารมีหลวงพ่อช่วย" ...บารมีหลวงพ่อมีมากล้น จนสุดพรรณนา ดังตัวอย่างที่ข้าพเจ้าได้ประสบมาด้วยตัวเองดังต่อไปนี้

เมื่อกลางปี ๓๔ ข้าพเจ้าได้ออกเยี่ยมลูกค้า กับทางบริษัทฯ และได้พักค้างคืนที่โรงแรมที่มีชื่อแห่งหนึ่งของ จ.หวัดลพบุรี ขณะที่กำลังจะหลับอยู่นั้น ข้าพเจ้าได้ยินเสียงเหมือนใครมาเรียกชื่ออยู่ข้างๆ หู พอลืมตาขึ้นมาดู...กลับเห็นภาพผู้หญิงหัวฟู หน้าใหญ่เท่ากระด้ง ลอยไปลอยมา หัวเราะเสียงดัง ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจกลัวมาก สวดมนต์ทุกอย่างเท่าที่จำได้ แล้วภาพก็หายไป พอหลับตาอีก ก็เห็นผู้หญิงผมยาวๆ แต่งชุดดำ มายืนหน้าเศร้าอยู่ข้างเตียง ข้าพเจ้าก็รีบแผ่ส่วนกุศล และขว้าพระมาสวดมนต์พักใหญ่ และคิดว่าทำไมเห็นแต่แบบนี้ ทั้งๆ ที่ใจไม่ได้คิดอะไรเลย เวลาเข้าห้องพักก็ไหว้เจ้าที่เจ้าทางแล้ว พอคิดอยู่อย่างนั้นก็พยายามจะหลับต่อ ทั้งๆ ที่กลัวแสนกลัว ทีนี้พอหลับตาอีก ก็เห็นผู้ชายผูกคอห้อยต่องแต่งอยู่บนสะพาน ทีนี้ละ วิ่งเผ่นไปทั่วห้อง และขอความช่วยเหลือจากพวกเดียวกัน ซึ่งก็มาช่วยนั่งเป็นเพื่อนรอจนถึงเช้า เพราะคงไม่กล้านอนอีกแน่ๆ

พอรุ่งเช้า ได้ไปสอบถามกับพนักงานโรงแรม ซึ่งก็ไดเล่าให้ฟังว่า มีจริงๆ และพนักงานเองที่ได้เฝ้าเวรดึก ก็มักเจอบ่อยๆ และถามว่า เจ้าของโรงแรมเคยทำบุญให้พวกนี้มั้ย ก็บอกว่าไม่เคย เพราะเจ้าของโรงแรมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ซึ่งแขกหลายๆ รายก็เจอกันเยอะมาก บางรายต้องเช็คเอาท์กันกลางดึกเลยก็มี (เป็นบุญของข้าพเจ้าแล้วที่ยังไม่หัวใจวายซะก่อน)

เมื่อข้าพเจ้ากลับกรุงเทพฯ ก็รีบทำบุญใส่บาตร ปล่อยปลา กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับพวกเขาไป แต่เป็นเพราะเหตุใดไม่ทราบ พวกเขาไม่ได้ส่วนบุญ ที่ข้าพเจ้าทำให้ เพราะพวกเขาตามมาถึงที่บ้านของข้าพเจ้า มาทำเสียงแปลกๆ อยู่ที่หน้าต่างห้องนอน ประมาณตีหนึ่งตีสองถึง ๔ คืน (แต่เข้าห้องไม่ได้ เพราะมีหิ้งพระอยู่ที่หัวนอน) จนคืนที่ ๕ คืนนี้ซิมาแรง มาเป็นกลิ่นเหม็นเหมือนเผาศพอบอวลไปหมด คราวนี้ข้าพเจ้าเพิ่งนึกออก จึงอธิษฐานบอกไปว่า พรุ่งนี้ ข้าพเจ้าจะส่งเงินไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อที่วัดท่าซุงให้ แค่นี้เท่านั้นเอง กลิ่นก็หายไป แต่ข้าพเจ้าก็ไม่กล้านอนอยู่ดี

พอรุ่งเช้า เมื่อข้าพเจ้าไปถึงที่ทำงาน และวานให้พนักงานไปส่งธนาณัติ เพื่อถวายสังฆทาน จำนวน ๓ กอง ให้กับพวกเขา (โดยนึกเผื่อไปถึงอีก ๒ ซึ่งเคยขอความช่วยเหลือ) เมื่อพนักขับรถออกไปได้ประมาณ ๑๐ นาที (ซึ่งไปไปรษณีย์ต้องใช้เวลาประมาณถึง ๓๐ นาที) ข้าพเจ้าซึ่งเพลียกับการอดหลับอดนอนมาหลายวัน จึงรับรับทานยาแล้วก็ขออนุญาตนอนพัก แค่เพียงข้าพเจ้าหลับตาเท่านั้น พวกเขาทั้ง ๕ คนมากันเลย มาโบกมือบ๊ายบาย แล้วบอกว่า "ไปแล้วนะ" ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกโล่งใจและดีใจ ที่พวกเขาได้รับส่วนบุญที่ข้าพเจ้าทำให้ และรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมพวกเขาถึงได้รับกันเร็วขนาดนี้ เมื่อคิดได้ก็ไม่รู้สึกแปลกใจที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะบารมีหลวงพ่อที่มีมากล้นนี่เอง จึงสามารถสงเคราะห์ผู้ที่เดือดร้อนได้ทันที แม้นเพียงแค่นึกเท่านั้นเอง

----------------------------------

(ความเห็นส่นตัว เรื่องนี้เป็นการยืนยืนที่หลวงพ่อเคยบอกว่า "แค่ตั้งใจทำบูญจริงๆ อานิสงส์ก็เกิดแล้ว" สามารถอุทิศบุญได้เลย และหากเราตายก่อนทำก็รับอานิสงส์เต็มที่...น่าสังเกตุว่า การทำบุญอุทิศส่วนุศลเข้าใจว่า ทั้งๆ ที่ทำครั้งแรกการใส่บาตรซึ่งเป็นสังฆทานเหมือนกัน และมีการปล่อยสัตว์ ผีอาจกรรมหนักเลยรับบุญไม่ได้ จึงต้องทำสังฆทานครบเครื่อง และผู้รับ หรือตัวแทนสงฆ์เป็นพระอรหันต์ หลวงพ่อบอกว่า "สังฆทานถูกจังหวะ" ส่วนตัวผมเข้าใจว่าปัจจุบันพระรับสังฆทานแทน ที่วัดก็เห็นไม่กี่องค์ และคงไม่ธรรมดาแนะๆ ครับ)

ศ.ธรรมทัสี

อ้างอิงจากเว็บ ศ.ธรรมทัสสี